รีวิว Gravity : ผ้าห่มหนัก

รีวิว Gravity : ผ้าห่มหนัก

Tags

วันนี้ลองเปลี่ยนคอนเท้น เผื่อผู้อ่านจะชอบ ถ้าชอบไม่ชอบยังไง พิมมาบอกได้นะครับ

เมื่อประมาณ 3-4 ปีที่แล้ว ด้วยเราก็เป็นคนที่ชอบลองอะไรใหม่ๆ ไอเดียเจ๋งๆ และ web ที่สนองความต้องการเราได้เป็นอย่างดีเลยก็คือ Kickstarter เว็บ Kickstarter เป็นเว็บที่รวมเหล่าผู้สร้างที่มีไอเดียดีๆ จากทั่วโลก โดยตัวผู้สร้างอาจจะมีแค่ prototype หรือสินค้าต้นแบบ แล้วเอาสินค้าเหล่านั้นมาเสนอไอเดียลงบน Platform Kickstarter ในลักษณะการระดมทุน และกับการได้ใช้สินค้าก่อนชาวบ้าน และราคาก็น่าจะดีกว่าตอนออกเสนอขายจริง และตั้งเป้าว่า เมื่อเงินระดมทุนถึงจำนวนที่ตัวเองสัญญาแล้ว จะเอาเงินส่วนนั้นไปผลิต และเอาสินค้าส่งไปให้ ซึ่งโดยส่วนมาก สินค้าในลักษณะ Physical Product จะใช้เวลาเกือบ 3-6 เดือน กว่าจะผลิตและส่งถึงมือลูกค้าได้

ในขณะที่ไล่ส่อง Product เจ๋งๆ อยู่นั่นเอง ก็พบ Gravity : The Weighted Blanket for Sleep, Stress and Anxiety ว่าง่ายๆ ก็คือผ้าห่มหนัก

คำถามก็คือ แล้วทำไมคนต้องอยากใช้ ผ้าห่มหนักๆด้วย?

ในตัวโฆษณาที่ผู้ผลิตทำมา บอกว่าผ้าห่มหนักมีประโยชน์คือ

  1. เพิ่มแรงกดในตัวเราขณะนอนหลัก (แน่นอน) - ซึ่งทำให้เรารู้เหมือนมีคนกอดเราอยู่เวลาหลับ
  2. ลดความเครียดและวิตกกังวลขณะหลับ และเพิ่ม Serotonin + Melatonin
  3. หลับลึกขึ้น
  4. หลับสบายขึ้น

อ่านแล้วก็สนใจขึ้นมา เพราะตอนนั้นอยู่ในช่วงที่ทำงานกับลูกค้าฝรั่งเจ้าหนึ่ง เค้าเล่าให้ฟังว่า

สิ่งที่เราซื้อมาแล้วเราใช้เกิน 8 ชั่วโมงต่อวัน อย่าคิดว่าเราเสียเงินซื้อมันมา แต่มันคือการลงทุน”

และแน่นอนการนอนหลับแบบเต็มอิ่มคือการลงทุนอันแสนคุ้มค่า

อย่ารอช้า กดซื้อทันที

ณ ตอนนั้นผ้าห่มหนักราคาประมาณ 219 USD ด้วยเรทประมาณ 30 THB ต่อ USD ตกราวๆ เกือบเจ็ดพันบาท

แต่ก็เอาวะ เผื่อการนอนที่สบายของเรา มันคือการลงทุน

เวลาผ่านไปนานมาก จำได้ว่าสั่งสักช่วงเดือน 4-5 และโปรเจคก็มีการอัพเดทมาทางอีเมลเรื่อยๆ ว่าทำถึงไหนแล้ว ก็ใช้เวลาเกือบ 6 เดือน เราก็ดูบ้างไม่ดูบ้าง

จัดส่ง

จนกระทั่งมี DHL มาเคาะหน้าประตูบ้าน

เดินไปรับของ มีกล่องพัสดุใหญ่มาส่ง พนักงานเข้ามาพร้อมกับเครื่องรูดบัตร พร้อมบอกว่านี่ใบเสร็จครับ

ไอ้เราก็นึกว่าเออ ดีเหมือนกันมีส่ง slip มาให้เราแบบ offline ด้วย

ก้มมองใบเสร็จ ที่พนักงานยื่นให้ พร้อมเครื่องรูดบัตร

“8 พันบาทนะครับ”

“อ่อครับ เค้าบอกพี่ด้วยเหรอครับว่าราคาของเท่าไหร่”

“อ่อเปล่าครับ คุณผู้ชาย อันนี้ค่าจัดส่งพัสดุต่างประเทศครับ เรียกเก็บเงินปลายทาง”

เหวอไปแปปนึง

“ค่าจัดส่งจากต่างประเทศ อีก 8 พันเหรอครับ”

“ใช่ครับ คำนวณจากขนาด น้ำหนัก และระยะทางที่จัดส่ง พร้อมภาษีครับ คุณผู้ชายดูในใบเสร็จได้เลย”

“โอเคครับ ถ้าผมไม่เอาแล้วได้มั้ยครับ ไม่จ่าย 8 พันบาทส่วนนี้”

“ไม่ได้ครับ สินค้าก็จะถูกตีกลับ แล้วก็จะค้างที่โกดังสินค้า พวกผมก็จะมีปัญหา”

“อ่าครับ แปลว่าผมต้องจ่ายถูกมั้ยครับ ไอ้ 8 พันนี่”

“ใช่ครับ อันนคุณผู้ชายต้องลองเข้าเว็บของ DHL ดูนะครับว่าบริการจัดส่งเค้าคำนวณยังไง”

“โอเคครับ ผมแค่สงสัยว่าทำไมมันตั้ง 8 พัน”

“ของเกือบ 10 กิโลนะครับ แล้วมันอันใหญ่ด้วย ส่งจากอเมริกา โดยปรกติจะราคาประมาณนี้อยู่แล้ว แต่ไม่แน่ใจว่าคนส่งเค้ามีแจ้งคุณผู้ชายไหม”

“ไม่มีเลยครับ แต่ผมจ่ายก็ได้ครับ ถือเป็นค่าโง่”

ในใจก็แค้นกับความโง่ตัวเองนิดนึง แต่ถ้าเราไม่จ่าย เราก็เสียค่าโง่กับอีผ้าห่มไปอีก จ่ายก็ได้วะ

หลังจากนั้นรูดบัตรไป พนักงานก็หยิบกล่องขึ้นมาส่งให้

แว่บแรกที่หยิบรับกล่อง

.

หนักชิบหาย

.

หลังจากเข้ามาในตัวบ้าน ก็รีบแงะผ้าห่มออกมา ในตอนนั้นจำได้ว่าพี่ก็อยู่ที่ห้องรับแขก ถามว่า

“นี่แปปซื้ออะไรมาเนี่ย”

“ผ้าห่มหนัก เค้าบอกว่านอนด้วยผ้าห่มนี้แล้วจะหลับลึกขึ้น”

“คนห่าอะไรจะให้ไอ้นี่นอนทับ หนักชิบหาย”

“เออคิดเหมือนกัน”

.

ไม่รอช้า คืนนั้นหยิบผ้าห่มมาลองทันที

ทดลอง

ชั่วโมงแรกที่นอน รู้สึกหนักจริงๆ มันเหมือนผีอำ แบบหายใจไม่ค่อยออก แต่ก็ท่องไว้ว่า หมื่นห้าๆ ลองนอนให้จบสักคืนนึงก็ยังดี

พอชั่วโมงที่สองเริ่มเหงื่อออก แม่งนอกจากหนักยังร้อนอีก แม่งคงออกแบบมาสำหรับ Winter New York, not Winter Bangkok

พอพล่อยหลับไปได้สักพัก แม่งละเมอถีบผ้าห่มออก นอนแบบไม่มีผ้าห่ม

.

ตื่นขึ้นมาตอนเช้า เหงื่อยังซึมๆ อยู่ที่ฟูก

หลักจากนั้นก็ไม่ได้ใช้มันอีกเลย…เอามันมากอดแทนหมอนข้าง

อย่างน้อยมันก็ได้ทำหน้าที่หลัก ตามที่มันสัญญากับเรา

“เพิ่มแรงกดในตัวเราขณะนอนหลัก (แน่นอน) - ซึ่งทำให้เรารู้เหมือนมีคนกอดเราอยู่เวลาหลับ”

และนี่คือภาพปัจจุบัน

image

แนบข้อคิดตอนท้าย

  1. เวลาสั่งของจากต่างประเทศ อย่าลืมเช็คว่ามันเรียกเก็บค่าส่งพัสดุปลายทางมั้ย
  2. อะไรที่คอนเซปมันดูดี มันอาจจะไม่ได้ดีอย่างที่คิด
  3. อย่าซื้อของมีราคาจาก Kickstarter