ก่อนอื่นต้องขอบคุณ Course Blockchain Defi ของ Degree Plus ที่นำวิดีโอ How Airlines Quietly Became Banks มาแชร์
.
ช่วงโควิดสายการบินที่อเมริกาขาดทุนหนัก และต้องการสภาพคล่องสูงมาก จึงต้องการกู้เงินจากภาครัฐมาทำธุรกิจต่อที่มุลค่า 4.75 bUSD แต่ตัวธุรกิจหลักเองไม่มีหลักประกันมูลค่าสูงขนาดนั้น ทางสายการบินจึงเอาโปรแกรมสะสมไมล์ของตัวเองมากู้ ซึ่งมูลค่าที่แสดงในเอกสารการกู้ยืมเงินแสดงว่ามูลค่าของโปรแกรมดังกล่าวของ American Airlines Loyalty Program อยู่ที่ 19.5 - 31.5 bUSD
ที่น่างงยิ่งกว่าคือมูลค่าตลาดของ American Airlines ทั้งหมดอยู่ที่ 5.9 bUSD ซึ่งถ้าเราตั้งสมมติฐานว่าธุรกิจการบินทำหลักๆ อยู่สองอย่างคือ ให้บริการการบิน กับ Loyalty Program แสดงว่า มูลค่าของธุรกิจการบินของ American Airlines อยู่ที่ -14 bUSD และก็ไม่ใช่แค่สายการบินเดียว เทรนด์ที่มูลค่าของ Loyalty Program สูงมากเมื่อเทียบกับการให้บริการธุรกิจการบิน เกิดขึ้นกับแทบทุกสายการบิน
.
คำถามคือทำไมส่วน Loyalty Program ของสายการบินถึงมูลค่าสูงขนาดนั้น?

โครงสร้างรายได้ของธุรกิจสายการบิน
ต้องบอกว่าธุรกิจสายการบินได้รายได้หลักมาจากสองอย่างคือ การให้บริการการบิน และการให้บริการ Loyalty Program เรามาไล่ดูทีละอันกัน
ส่วนการให้บริการการบิน
กำไรของธุรกิจส่วนนี้ก็เกิดจากรายได้จากการเก็บค่าตั๋ว ต่อคน ต่อไมล์ (นิยมใช้ค่านี้เป็นมาตรฐานในการคำนวนกำไรจากการให้บริการการบิน) หักกับ ต้นทุนการให้บริการของสายการบิน ต่อคน ต่อไมล์ ซึ่งตัวอย่างจะเป็นของ American Airlines
และจะเห็นว่าสายการบินหลายแห่งในโลกให้บริการการบินแบบขาดทุนในทุกคนและทุกไมล์ที่ตัวเองให้บริการ โดยบทความนี้จะขอไม่ลงรายละเอียดในส่วนนี้มากนัก

ส่วน Loyalty Program
ก่อนที่จะลงรายละเอียดของ Performance ของธุรกิจ Loyalty Program ขออธิบายเพิ่มเติมเล็กน้อยว่า Loyalty Program ของสายการบินมีรายได้มาจากส่วนใดบ้าง
.
โครงสร้างรายได้ของ Loyalty Program มาจาก 3 ส่วนด้วยกัน คือ
ขารายรับ
- สายการบินจ่ายเงินให้ Loyalty Program เมื่อลูกค้ามาใช้บริการสายการบินแล้วได้สะสมไมล์
- Co-Brand / Partner เช่นร้านค้าหรือธนาคาร จะจ่ายรวมยอดเป็นรายเดือนให้กับ Loyalty Program เมื่อทำข้อตกลงว่า Partner จะได้เข้าร่วม Loyalty Program Ecosystem ของสายการบิน และ Partner ต้องจ่ายเงินให้กับ Loyalty Program สายการบินตามที่ตกลงกันไว้ เมื่อลูกค้าใช้บริการกับ Partner
ขาจ่ายเงิน
- ลูกค้านำไมล์ไปแลกเป็นตั๋วบินได้ แล้วเมื่อทำการแลกเป็นตั๋ว เงินดังกล่าวจะถูกชำระไปยังสายการบิน (ในรูปคือ United Airlines)
- ลูกค้านำไมล์ไปแลกเป็นบริการของ Partner แต่ละเจ้าใน Ecosystem ได้ และเงินดังกล่าวจะถูกชำระไปยัง Partner แต่ละเจ้า
ขอบคุณรูปของ Forbes และ United Airlines


ลูกค้าใช้บัตรเครดิตของธนาคารแล้วได้ไมล์
เนื่องจากคนอเมริกานิยมใช้ไมล์จากการสะสม จนทำให้ธนาคารต้องทำการ Partner กับ สายการบินให้เมื่อรูดใช้จ่ายกับบัตรเครดิตของธนาคารแล้วได้แต้มไมล์สะสมด้วย (ให้นึกบัตรเครดิต Royal Orchid Plus หรือ AirAsia) ทุกธุรกรรมที่มีการให้แต้มไมล์กับลูกค้าจากการเปิด หรือรูดบัตร แปลว่าทางธนาคารต้องจ่ายเงินให้กับ Loyalty Program สายการบิน เหมือนเป็นธุรกรรมที่ธนาคารจ่ายตังซื้อไมล์จากสายการบิน โดยมูลค่าเงินที่ต้องจ่าย ขึ้นกับราคาต่อไมล์ ที่สายการบินทำการตกลงไว้กับธนาคาร ซึ่งทำให้สายการบินสามารถต่อรองราคาดังกล่าวกับธนาคารได้
เมื่อธนาคารจ่ายเงินให้ Loyalty Program ของสายการบินแล้ว มูลค่าดังกล่าวจะถูกบันทึกแยกเป็นสองส่วน
- ส่วนแรกคือ ส่วนที่สายการบินมีภาระผูกพันที่ต้องให้บริการลูกค้าเมื่อลูกค้าต้องการแลกจากแต้มสายการบินเป็นตั๋วบินจริง
- ส่วนที่สองคือ ส่วนต่างจากราคาที่ทำสัญญากับธนาคารแต่ละเจ้า กับต้นทุนที่ Loyalty Program ต้องจ่ายให้สายการบินจริงจะบันทึกเป็นรายได้จาก Marketing Service ของ Loyalty Program - ซึ่งส่วนนี้คือกำไรเน้นๆ ของ Loyalty Program สายการบิน
ซึ่งถ้าดูจากตัวอย่างของ American Airlines จะพบว่ารายได้ที่ Third Party ราว 5.5 bUSD โดยแบ่งเป็นส่วนหนี้ภาระผูกพันราว 3.2 bUSD และส่วนต่างราคา 2.3 bUSD ซึ่งแทบจะกลายเป็นกำไรก่อนหักภาษีทั้งก้อนที่ 2.25 bUSD

อย่างไรก็ตามข้อมูลดังกล่าวก็เป็นเพียงขารายรับและกำไร ทางสายการบินไม่ได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับต้นทุนของการให้บริการดังกล่าวแต่อย่างใด
ลูกค้าใช้บริการกับ Third Party แล้วได้ Miles
ทาง United Airline ได้แสดงข้อมูลตัวอย่างว่าการที่ลูกค้าจ่ายเงิน 10 kUSD แล้วได้ 15 k miles Partner ต้องจ่ายเงินให้กับ Loyalty Program ตามสัญญาที่ตกลงไว้ ซึ่งในตัวอย่างอยู่ที่ 2 cent per mile (Partner ต้องจ่าย 300 USD ให้สายการบิน) แล้วเมื่อลูกค้ามีการแลก miles เป็นตั๋วจริง ทาง Loyalty Program สายการบินจ่ายให้กับสายการบินเองด้วยต้นทุนเพียง 1 cent per mile และเก็บอีก 1 cent เป็นรายได้เข้า Loyalty Program
ทาง United Airline ยังได้ระบุเพิ่มอีกว่าคิดค่าบริการกับ Loyalty Program ตัวเองคงที่ที่ 1 cent per mile และโดยทั่วไปคิดกับ Partner ที่ 2 cent per mile จริงๆ
แปลว่าทุกครั้งที่มีการใช้บริการ Partner ที่ได้ของแถมเป็นไมล์ ทางสายการบินจะมีต้นทุนให้บริการการบิน 50% และอีก 50% จะเข้ากระเป๋า Loyalty Program ของสายการบินเป็นรายได้ทันที

ลูกค้าใช้บริการสายการบินเอง แล้วได้ Miles
ตัวอย่างได้ระบุเพิ่มเติมว่ากรณีที่ลูกค้าบินกับ United เอง ด้วยมูลค่าตั๋วรวม 3 kUSD จะได้แต้ม 15 k miles เท่ากับการใช้จ่ายกับ partner ที่มูลค่า 10 kUSD และ 15 k miles กรณีเมื่อนำไปแลกเป็นตั๋วฟรีในการใช้บริการ ทาง Loyalty Program ก็สามารถ charge กำไร 20% ขณะที่แลกไมล์เป็นตั๋ว แต่กำไรก็ค่อนข้างน้อยเมื่อเทียบกับเงินที่ได้จาก Partner อื่น
ธุรกรรมอื่นๆ
แน่นอนว่า Partner ที่เข้าร่วมโปรแกรมก็ต้องการให้คนแลกไมล์ไปใช้กับ Partner เจ้านั่นๆเช่นกัน เพราะนั่นหมายถึงการที่ Loyalty Program ของสายการบินต้องจ่ายเงินให้กับ Partner เจ้านั้นทันที กลับกัน ธุรกิจ Loyalty Program ของสายการบินไม่ชอบการให้มีการใช้ไมล์ไปกับธุรกรรมประเภทนี้เพราะก็ต้องจ่ายเงินให้กับ Third Party ทันทีตามอัตราที่ตกลงไว้เช่นกัน
แล้ว Loyalty Program เค้าเอาไปออกพันธบัตรกู้ได้ยัง?
อย่างที่แสดงไปข้างต้นว่ารายได้จากสายการบินหลักอยู่ที่ Loyalty Program และการขายไมล์ให้กับบริษัทบัตรเครดิต และรายได้ส่วนนี้ค่อนข้างคงที่และประเมินได้ แม้จะเป็นเคสแรกๆ แต่การประเมินรายรับล่วงหน้าได้ก็สามารถขอออกตราสารที่เกิดจาก Loyalty Program ได้จากกำไรในส่วนนี้
ข้อมูลเหล่านี้ให้อะไรกับเรา
หากคุณเป็นสายการบิน หรือเป็นธุรกิจที่คนต้องมาใช้บริการกับคุณ แล้วในตัวธุรกิจหลักกำไรไม่สูงมาก การทำ Loyalty Program ที่เชื่อมต่อกับ Partner หลากหลายเจ้า โดยเมื่อใช้บริการ Partner เจ้านั้นๆ จะได้แต้มของบริษัทคุณอาจะเป็นสิ่งที่สมเหตุสมผล เนื่องจาก
- คุณกำหนดต้นทุนในการให้บริการของธุรกิจหลักของคุณได้ (ให้มันเกือบเท่าทุน)
- Partner ต้องอยากมาใช้เนื่องจาก options มีไม่มาก และคุณสามารถต่อรองมูลค่าของแต้มที่คุณให้บริการกับลูกค้าให้สูงได้ โดยส่วนต่างระหว่างราคาที่ทำกับแต่ละ Partner กับต้นทุนของธุรกิจหลักคุณ จะเป็นกำไร
- คุณสามารถเลือก Promote ข้อมูลต่างๆ ตามที่คุณต้องการได้เช่น แสดงข้อมูลการแลกไมล์อย่างง่ายดายและชัดเจน ในขณะการแลกเป็นบริการอื่นๆ ของ Partner ลดการโฆษณาลง United Airline ก็ใช้วิธีนี้
- คุณสามารถปรับสัดส่วนการใช้แต้มไมล์ หรือพ้อยของคุณบางช่วงบางเวลาเมื่อลูกค้าต้องการใช้บริการมากเป็นพิเศษ โดยที่ลูกค้าไม่ได้คำนวนทุกครั้งที่ใช้พ้อยหรือไมล์ขนาดนั้น เช่นของ United Airlines ที่ปรับการใช้พ้อยของตัวเองกับสายการบินอื่นให้แพงขึ้น เพื่อลดการใช้พ้อยกับ Third Party

- และการให้บริการสายการบินสามารถจัดลำดับความสำคัญให้เป็นไปตามไมล์ที่ใช้ได้ เช่น ถ้าจะจองด้วยพ้อย ต้องรอมีที่นั่งว่างจริงๆ ของเที่ยวบินนั้น (ถ้าคนจองตรงจะได้สิทธิก่อน) ซึ่งเป็นต้นทุนที่ยังไงสายการบินก็ต้องเสียอยู่แล้วทุกเที่ยวบิน หรือไม่ก็ต้องใช้พ้อยเพิ่มขึ้นมหาศาล เพื่อให้เทียบเท่าสิทธิการจ่ายเงินจองตรง
- การที่มีรายได้คงที่ สามารถนำรายได้ดังกล่าวมาระดมทุนด้วยการออกหุ้นกู้เพื่อเสริมสภาพคล่องได้
- การใช้พ้อยไม่เสียภาษีมูลค่าเพิ่ม
Reference เจ๋งๆ
https://www.wsj.com/articles/are-frequent-flier-programs-really-worth-more-than-airlines-11615810430