Don’t Give Up, You got a reason to live

Don’t Give Up, You got a reason to live

Catagory
Feeling
Format
Publish
Published

ช่วงนี้ Podcast เกี่ยวกับ Longevity พากันเข้ามามากขึ้นเรื่อยๆ หลายช่องเริ่มมี Content เกี่ยวกับเรื่องนี้กันมากขึ้น ทั้งการกินให้อยู่ได้นานขึ้น นอนหลับให้ลึกขึ้น ออกกำลังกายเพื่อเสริมสร้างกล้ามเนื้อมากขึ้น

.

หลังจากที่ได้ฟัง Podcast เกี่ยวกับ Longevity เราก็เริ่มอิน ในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมาเลยลองชวนคนรอบตัวคุยเรื่องนี้ ว่าแรงจูงใจของแต่ละคนที่ทำให้เริ่มสนใจเรื่องนี้เป็นยังไง คำว่า Longevity หมายถึงเรื่องใดบ้าง และเคยลองอะไรไปแล้วบ้าง เวิคไม่เวิคอย่างไร แล้วอนาคตตั้งเป้าเรื่องสุขภาพของตัวเองไว้ยังไงบ้าง

.

มีหลากหลายที่ตรงกับสิ่งที่คาด แต่ก็มีบางเรื่องที่ไม่คาดคิดเหมือนกัน เลยอยากนำมาเล่าสู่กันฟัง

.

ต้องเล่าก่อนว่า scope ของการชวนคุย มีคุยไป 10 คน ตั้งแต่ช่วงอายุ 25-35 ปี เป็นกลุ่มคนที่จัดว่ารายได้ดีในกรุงเทพชั้นใน และสุขภาพก็ไม่ได้แย่อะไร

. .

สาเหตุร่วมกันของแทบทุกคน คือ มีช่วงเวลาที่ตัวเองไม่ได้ใส่ใจสุขภาพ อาจจะเป็นเพราะโฟกัสกับงาน หรือมีปัญหาชีวิตเรื่องอื่นควบคู่เข้ามาด้วย ถ้าในแง่สุขภาพโดยตรง บางคนงานหนักจนร่างกายฟ้อง ผื่นขึ้น มีอาการแพ้บริเวณผิวหนัง หรือระหว่างขับรถมีอาการหลับใน หรือบางคนอาจเป็นภาวะที่กระทบจิตใจ เกิดอาการเครียด วิตกกังวล นอนไม่หลับ หรือนอนหลับแต่หลับไม่สนิท อาจจะหลับแค่ไม่กี่ชั่วโมง นั่นทำให้กระทบกับเรื่องอื่นๆ ในชีวิตทั้งหมด ทำให้หลายคนเริ่มสนใจเรื่องนี้

.

เมื่อพูดถึงคำว่า Longevity ทุกคนให้ Scope เป็นเรื่องหลักเดียวกัน 3 ประเด็น คือ กิน นอน ออกกำลัง

แทบทุกคนที่คุยด้วย รู้พื้นฐานค่อนข้างดี แต่รู้ไม่ได้แปลว่าทำได้

.

กินดี ทุกคนรู้ว่าต้องกินแบบ ลดมัน ลดเค็ม ลดหวาน IF ก็ช่วยได้ ในแง่ของการควบคุมอาหาร แต่การทำจริง บางทีก็เน้นความยืดหยุ่นและ Balance ถ้าสัปดาห์นี้มีการกินหวานหรือบุฟเฟต์ ก็ใช้ IF หรือกินผักสลัดทดแทนเอา หรือบางคนเวลาน้อยและไม่ได้กินผักเป็นประจำ ก็ใช้อาหารทางเลือก เช่น ผงผัก เพื่อช่วยเรื่องการย่อยและการขับถ่าย

.

การนอน ทุกคนก็รู้ว่าควรนอนช่วง 4-5 ทุ่ม นอนเต็ม 8 ชั่วโมง หรือให้ครบ sleep cycle 5 รอบขึ้นไป และต้องนอนให้ deep sleep อยู่ในสัดส่วนที่สูง จึงต้องให้แสงมืดสนิท บางคนใช้ผ้าปิดตาระหว่างการนอน ซึ่งต่างเห็นตรงกันว่าช่วยให้นอนหลับสนิทขึ้น นอกจากนี้หลายคนก็รู้ว่าต้องเลิกเล่นมือถือก่อนนอน 1 ชั่วโมง เลิกกินข้าวก่อน 2 ชั่วโมง เลิกออกกำลังกายก่อน 3 ชั่วโมง เลขเหล่านี้ก็มีคนรู้ แต่ใช่ว่าทุกคนจะทำได้ บางคนนอนไม่หลับ เพราะเกิดความเครียด ข้อมูลจากงานยังไหลเวียนอยู่เวลาหลับตาลง บางเราทีเราวางงาน วางภาระของชีวิตไม่ได้ มันทำให้นอนไม่หลับ หลายคนที่คุยด้วยก็อยากแค่ให้ตัวเองหลับง่ายขึ้นก็พอแล้ว

.

การออกกำลัง ดูเหมือนเป็น common ที่สุด ทุกคนรู้และได้เริ่มทำไปแล้ว หลายคนวิ่ง 3-4 วันต่อสัปดาห์ หรือเข้ายิม 4 วันต่อสัปดาห์ ทุกคนรู้ว่าต้องมี Weight Training เพื่อเสริมสร้างกล้ามเนื้อ ผสมกับการ Cardio และ Stretching Session และทุกคนก็ให้เวลาและ effort กับสิ่งนี้ เพราะมันไปสนับสนุนปัญหาเรื่องอื่นทั้งแง่การนอนที่ดี และการกินอย่าง aware มากขึ้น

.

หลังจากชวนคุยเรื่องส่วนของ Longevity ที่โฟกัส เราถามต่อถึงเป้าหมายของแต่ละคนที่ตั้งไว้ เกี่ยวกับการมีสุขภาพที่ดี ว่ามีเป้าหมายอย่างไร ซึ่งส่วนนี้เป็นส่วนที่ค่อนข้างแตกต่างจากที่ผมคาดไว้

.

แน่นอนเกินกว่าครึ่ง บอกว่าอยากมี Healthspan หรือช่วงเวลาสุขภาพดีที่ยืนยาว ไม่อยากเจ็บ หรือเป็นภาระกับคนอื่น และอยากมีอายุยืนยาวเพียงพอที่จะทำงานหรือ function ไปได้นานๆ แน่นอนตัวงานคงปรับเปลี่ยนไป แต่ Concept ของการเกษียณแทบไม่มีอยู่ในกลุ่มที่สัมภาษณ์เลย ทุกคนมองภาพว่าตัวเองทำงานได้ไปจนกว่าตัวเองจะไม่ Function หลายคนบอกแบบนั้น

.

แต่บางคนกลับให้คำตอบลึกขึ้นว่า ในช่วงเวลาที่เริ่มไม่ Function หลายคนอยากเลือกที่จะไป Extreme กว่า คือการเลือกที่จะจบชีวิตตัวเองได้เลย บางคนมองว่าเมื่อเลยช่วงเวลาที่ได้ใช้ชีวิตไปแล้ว และเมื่อถึงขาลง บางคนบอกว่าถ้าชีวิตไม่ได้มีภาระอะไร ก็อยากที่จะเลือกจากไปในช่วงเวลาที่ตัวเองกำหนดได้ เพราะนั่นหมายถึงเราก็ใช้ชีวิตมาเพียงพอแล้ว และหลายคนก็บอกว่าคนรอบตัวก็มีคนที่คิดคล้ายกัน

.

.

นั่นทำให้เราเกิดความเศร้าในใจ ไม่รู้ว่าเพราะอะไร มันอาจเพราะเวลาที่ฟังแล้วรู้สึกว่าเมื่อเราหมดเวลาที่เรามองว่าเรามีประโยชน์ต่อโลก หรือโลกมีประโยชน์ต่อเรา เราก็อยากวางมันลง มันทำให้ผมนั่งคิดว่า ช่วงเวลาที่เรากำลังโรยรา เริ่มเป็นภาระต่อผู้อื่น ช่วงเวลานั้นมันไร้ซึ่งความหมายหรือไม่ หรือทำไมเราถึงเลือกที่จะชื่นชมชีวิตแค่ในส่วนที่เราใช้มันได้ มันอาจจะมีช่วงเวลาที่เราทำงานไม่ได้ แต่ยังสามารถรับรู้ถึงความงดงามของชีวิตได้อยู่หรือไม่?

.

เหตุผลในการมีชีวิตอยู่ มันดูสั้นลง เราไม่ต้องพูดถึงการมีอายุ 100 ปี เพราะหลายๆ คน มองว่าถ้าอายุเกิน 65 ปี ก็ไม่รู้จะอยู่ไปทำไมแล้ว เมื่อ cognitive ability ตัวเองเริ่มเสื่อมลง คุณค่าในชีวิตก็เสื่อมตามไป มันเปิดความเข้าใจใหม่ให้กับตัวผม แล้วมันก็ทำให้ผมรู้สึกเศร้ากับโลกใบนี้มากขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อยเมื่อได้ฟังสิ่งนี้

.

มันอาจะเป็นเพราะสังคมนี้ถึงจุดที่ไม่ได้สร้างความหวังอะไรใหม่ เราจะมีอายุยืนทำไม ถ้าความอยากมีชีวิตเราไม่ได้ยืนยาวตาม เราจะให้ความหมายในการมีชีวิตอยู่ของเรายังไงบ้าง?

.

จากจุดนี้ มันเลยทำให้ผมตั้งคำถาม "เราจะมีชีวิต 100 ปีไปเพื่ออะไร ถ้าความหมายในการมีชีวิตอยู่ของเราเลือนรางลงเรื่อยๆ?"

.

.

.

ในปี 1998 ช่วงเวลาที่วง Alternative กำลังรุ่งเรือง มีวงดนตรี Indie วงนึงดังขึ้นมา วงนั้นชื่อ New Radicals วงนี้ไม่ได้ดังนานมากนัก หลังช่วงปี 2000 วงนี้ก็ซาลงและเหมือนจะยุบวงในเวลาต่อมาไม่นาน

.

ในช่วงก่อนปี 2000 ที่มีทั้ง Dot Com Bubble และวิกฤติการเงินทั่วเอเชีย การเมืองเริ่มแบ่งขั้วชัดเจน เริ่มเห็นภาพความเหลื่อมล้ำ โลกาภิวัฒน์ที่ไม่ได้มีบทบาทแค่ทำให้ตลาดทุนโตอย่างเดียว แต่มันแบ่งแยกชนชั้นชัดเจนขึ้น มนต์ขลังของ American Dream เริ่มเสื่อมสลาย ทุกคนเริ่มมองโลกอย่างเป็นจริงมากขึ้น และต้องทนอยู่กับระบบชนชั้นที่เห็นชัดขึ้น ความเหลื่อมล้ำที่รุนแรงขึ้น และดูไม่มีวี่แววที่สถานการณ์รอบตัวจะดีขึ้นได้ยังไง

.

New Radicals ได้ฝากเพลงนึงไว้ก่อนเข้าปี 2000 คือเพลง "You Get What You Give" ผมขอแปะเนื้อเพลงท่อนฮุคไว้ด้านล่าง และจะแปะเพลงไว้ใน Comment

.

"Don't let go You've got the music in you

One dance left This world is gonna pull through

Don't give up You've got a reason to live

Can't forget We only get what we give"

.

แม้ในช่วงเวลาที่โลกดูเหมือนจะไม่มีความแฟร์ งานการที่ดูยากลำบาก ชีวิตที่มันหนักและเดียวดาย ในช่วงเวลาที่ปัจจัยภายนอกไม่มีส่วนไหนเลยที่สนับสนุนให้เราอยู่อย่างมีความสุข

.

ผมก็มักจะใช้ท่อนฮุคนี้บอกตัวเอง

“Don't give up You've got a reason to live”

.

ไม่ว่าเหตุผลนั้นจะคืออะไร ขอให้ทุกคนนึกถึงมันให้ออก แล้วจำมันได้ ในวันที่ทุกอย่างไม่ได้โอเคอย่างที่คิด

. You've got a reason to live