Carpe Diem, Seize the day

Carpe Diem, Seize the day

Catagory
Feeling
Format
Publish
Published

Carpe Diem! Seize the day, boys. Make your lives Extraordinary!

เมื่อวานอ่านหนังสือชีวิตที่ร่างเองของนิ้วกลม บทแรกเลย

พี่เอ๋พูดถึงความสำคัญของการตระหนักถึงความตาย เหมือนที่คนเคยพูดไว้ คนเรามีสองชีวิต ครั้งแรกตอนที่เราเกิด อีกครั้งตอนที่เรารู้ว่าเราต้องตาย

เมื่อเราตระหนักว่าเราต้องตาย เราคงเริ่มตกผลึกถึงช่วงเวลาที่ผ่านมาของตัวเอง และอยู่กับชีวิตปัจจุบันมากขึ้น

พี่เอ๋ให้ลองถามตัวเองในชีวิตแต่ละด้านมากขึ้น ผ่านคำถามที่เราอาจจะเคยเห็นผ่านตาบ่อยๆ

  • ถ้าชีวิตเราเต็มสิบเราให้กี่คะแนน ส่วนไหนที่ขาดไป
  • ชีวิตที่ดีหรือชีวิตในอุดมคติของเราเป็นแบบไหน
  • อยากให้คนจดจำเราเรื่องอะไร
  • สิบเรื่องที่เราอยากทำก่อนตายคืออะไร
  • มีใครที่มีความสุขจากการมีชีวิตอยู่ของเราบ้าง
  • แล้วมีใครที่น่าจะคิดคำนึงเมื่อเราจากไป

คำถามพวกนี้เคยเห็นแล้ว แต่ก็ไม่ได้ฉุกคิดขนาดนั้น ไม่ได้ลงมือเขียนคำตอบ ได้แต่อ่านผ่านไป

พี่เอ๋ยังได้เล่าถึงเรื่องราวที่ทำให้คิดถึงการตระหนักถึงความตาย

มันอยู่ในหนังเรื่อง Dead Poet Society (1989) หนังเล่าถึงโรงเรียน Welton Academy ที่เคร่งเรื่องการสอนแบบตามขนบ ครูทุกคนเคร่งครัด และโรงเรียนนี้ส่งนักเรียนเข้า Ivy League ต่อได้แทบทั้งนั้น

หนังยังเล่าถึงเรื่องของ ครู Keating (O Captain My Captain) ที่เป็นครูที่เข้ามาใหม่ แต่วิธีการสอนต่างจากขนบเดิม จากคลาสอื่นที่ไล่อ่านเนื้อหาตามหนังสือทีละหน้า ข้อสอบเคร่งเครียด ทุกคนต้องติวหนังสืออย่างเข้มข้น แต่คลาสภาษาอังกฤษของ ครู Kething ต่างออกไป

คลาสแรกครู Keating ให้นักเรียนเดินออกไปที่โถงกลางตึกเรียน

ครู Keating ให้นั่งเรียนคนแรกอ่านกลอนบทแรกจากหนังสือ

"Gather ye rosebuds while ye may,

Old Time is still a-flying;

And this same flower that smiles today

Tomorrow will be dying."

Gather ye rosebuds while ye may - ครู Keating บอกว่า มันคือ Carpe Diem

"ใครรู้จักคำนี้บ้าง Carpe Diem" ครูถาม

"Carpe Diem - Seize the day ฉวยวันเวลานี้เอาไว้" นักเรียนอีกคนตอบ

"Seize the day - Gather ye rosebuds while ye may รู้ความหมายของบทนี้มั้ย?"

"เค้าก็อาจจะรีบอยู่ก็ได้" นักเรียนอีกคนโพล่งขึ้นมา

"เปล่าเลย มันแปลว่า เดี๋ยวคุณก็จะกลายเป็นอาหารของหนอนแล้ว อีกสักพักคุณก็จะตาย"

หลังจากนั้นครู Keating ก็ชวนให้นักเรียนทุกคนเดินมาข้างหน้า ใกล้ตู้โชว์ที่มีรูปของศิษย์เก่า ถ่ายไว้เมื่อราว 60 ปีที่แล้ว พร้อมรางวัลและเกียรติยศมากมาย ระหว่างที่นักเรียนเขยิบมาใกล้ตู้ ครู Keating ก็ค่อยๆ ถอยไปหลังนักเรียนทุกคน

"ทุกคนในรูปไม่ต่างจากพวกคุณเลย ผมทรงเดียวกัน ฮอร์โมนกำลังพุ่งพล่าน รู้สึกว่าตัวเองอยู่ไปอีกนาน ทุกคนเชื่อว่าตัวเองถูกกำหนดมาให้ทำเรื่องที่ยิ่งใหญ่ เหมือนพวกคุณ นัยน์ตาของทุกคนเติมเต็มไปด้วยความหวังและความฝัน เหมือนพวกคุณ"

"แต่เห็นมั้ย ตอนนี้คนพวกนี้กลายเป็นอาหารของดอกไม้ไปหมดแล้ว"

"แต่พวกคุณลองเงี่ยหูฟังสิ พวกเค้ามีสาสน์ที่จะบอกพวกคุณ"

"Carpe... Carpe.... Carpe Diem...

Seize the day..., boys.

Make your lives extraordinary."

ชีวิตเราก็เป็นแบบนี้เหมือนกัน ชีวิตเรามันไม่นาน เราเหมือนแสงสว่างที่วาบขึ้นมาแค่ชั่วขณะ

เราไม่ได้สำคัญอะไรมากกับจักรวาลนี้ แต่ในขณะเดียวกันเราก็สำคัญกับคนรอบๆ ข้างที่เราเจอ พบในชีวิตประจำวัน เราไม่ได้เป็นต้นเหตุของทุกเรื่อง แต่เราก็สร้างผลกระทบให้สิ่งรอบๆ ตัวตลอดเวลา

- ถ้าชีวิตเราเต็มสิบเราให้กี่คะแนน ส่วนไหนที่ขาดไป?

- ชีวิตที่ดีหรือชีวิตในอุดมคติของเราเป็นแบบไหน?

Carpe Diem ฉวยวันเวลานี้เอาไว้ ... ทำให้ทุกวันน่าจดจำ ทำตัวเองให้มีประโยชน์กับสิ่งรอบตัว ผู้คนที่พบเจอ ผลงานที่ตัวเองสร้าง ทำให้วันเวลาเพียงชั่วขณะที่เราเกิดมาน่าจดจำ

  • อยากให้คนจดจำเราเรื่องอะไร
  • สิบเรื่องที่เราอยากทำก่อนตายคืออะไร

Make your lives extraordinary อย่าลืมวันเวลาที่มันผ่านไป แต่ละนาที แต่ละวัน เดือน ปีที่ผ่านไป

สร้างชีวิตที่เราจะจำมันได้ ไม่ได้แค่จำได้ แต่รู้สึกไปกับมัน จดจำความรู้สึกในช่วงเวลา วันนี้เรารู้สึกยังไง เกิดอะไรขึ้นบ้าง มีอะไรที่น่าชื่นใจเกิดขึ้นมั้ย เราจำมันได้รึเปล่า ไม่ต้องเป็นเรื่องใหญ่ บางทีแค่ลมเย็นพัดผ่านตอนที่เราเดินรอบสระน้ำที่สวนเบญจก็น่าจดจำ

  • มีใครที่มีความสุขจากการมีชีวิตอยู่ของเราบ้าง
  • แล้วมีใครที่น่าจะคิดคำนึงเมื่อเราจากไป

Carpe Diem...

Seize the day

O Captain, My Captain

https://youtu.be/vi0Lbjs5ECI?si=Aj7v_vuApjzWQG5t

หนังมีใน Disney + Hotstar พึ่งดูอีกรอบตะกี้ ซึ้งใจกว่าที่เคย