Calm under the storm
🌪️

Calm under the storm

Catagory
Feeling
Format
Publish
Published

สัปดาห์ก่อนได้ดูซีรีย์เรื่อง The Bear แล้วชอบมาก ชอบทั้งลำดับการเดินเรื่อง การปูพื้นฐานและ character ตัวละคร และลักษณะเด่นของตัวละครแต่ละตัว

แต่ที่ชอบเป็นพิเศษคือตัวละครที่ชื่อ ริชชี่

ริชชี่เหมือนถูกวางให้เป็นตัวร้าย เป็นคนที่หาเรื่องกับคนอื่นตลอดเวลา หัวเสีย อารมณ์ร้อน ทำอาหารไม่เป็น จัดการหน้าร้านได้ไม่ดี แต่ก็ยังคิดว่าตัวเองเก่งกว่าคนอื่น

เค้าไม่ประสบความสำเร็จ ร้านอาหารที่ตัวเองเคยดูแลมาก็มีทีท่าล้มเหลว การบริหารคนก็จัดว่าวุ่นวาย ความสัมพันธ์ส่วนตัวกับภรรยาและลูกก็อยู่ในขั้นวิกฤติ

ตลอดเนื้อเรื่องจะเห็นว่าริชชี่ทะเลาะกับคนอื่นตลอดเวลา และตัวซีรีย์จะปูพื้นให้เห็นว่าหลายๆ ครั้งริชชี่ตั้งใจสร้างความปั่นป่วน แต่ตัวละครเองอาจจะยังไม่เข้าใจว่าจะสร้างปัญหาไปทำไม

💡
หนังสือเรื่อง What happened to you?

จาก Brice D. Perry และ Oprah Winfrey

ได้ระบุถึงปัญหาของคนที่ควบคุมตัวเองไม่ได้ โดยมักเกิดจากเหตุการณ์ในวัยเด็ก ที่อยู่ในบ้านที่มีการคุกคาม หรือมีอันตรายที่คาดไม่ถึงตลอดเวลา ทุกวันเกิดแต่ปัญหา ตั้งแต่เด็กจนโต จนเหมือนกับว่าการมีปัญหากลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน

ปัญหาที่คาดการณ์ไม่ได้ อาจจะเป็นการก่นด่า ดูถูก หรือทำร้ายร่างกาย โดยเฉพาะจากพ่อแม่ ทำให้เด็กกลุ่มนี้มีระดับการเตือนภัยอันตรายต่ำกว่าคนอื่น ส่งผลให้เด็กกลุ่มนี้อารมณ์ฉุนเฉียวง่าย

เมื่อเด็กกลุ่มนี้โตขึ้นมา จะมีโอกาสเสี่ยงที่จะสูญเสียการควบคุมเมื่อเข้าสู่สภาวะกดดัน อาจอารมณ์เสีย ด่ากราด หรือถึงขั้นลงไม้ลงมือกับผู้อื่น โดยเป็น fighting mechanism แบบนึงเมื่อเข้าสู่สภาวะกดดัน หรือสภาวะที่ต้องเผชิญหน้ากับสิ่งที่ตัวเองคิดว่าอันตราย

นอกจากนี้ในเด็กบางคนที่อยู่กับภันอันตรายที่คาดการณ์ไม่ได้ เดี๋ยวขึ้นเดี๋ยวลง เช่นบางวันโดนทำร้ายจากพ่อแม่ แล้วอีกวันพ่อแม่ก็ไม่สนใจ อาจส่งผลให้เด็กกลุ่มนี้คุ้นชินกับสถานการณ์ที่คาดการณ์ได้ยาก แล้วกลายเป็นตัวสร้างความวุ่นวายด้วยตัวเอง เพราะคิดว่าการที่สถานการณ์คาดเดายากนี่แหละ คาดเดาได้มากที่สุดสำหรับตัวเอง ทั้งที่ตัวเองไม่ได้ชอบสถานการณ์นั้น

ใน The Bear Season 2 ตอนที่ 6 เรื่องเล่าย้อนไปถึงงานวันคริสมาสต์ของครอบครัวตัวเองและริชชี่(พระเอกและริชชี่เป็นลูกพี่ลูกน้องกัน) ซีรี่ย์ได้เล่าถึงแม่ของตัวเอกที่เป็นคนกึ่งวิกลจริต คาดเดาอารมณ์ของตัวเองไม่ได้ และต้องการทำให้สถานการณ์ทุกอย่างวุ่นวายตลอดเวลา จนเราเข้าใจว่านี่อาจเป็นสาเหตุให้ทั้งพระเอกและริชชี่อารมณ์ฉุนเฉียว และเมื่อเกิดความกดดัน ก็จะทำให้ความวุ่นวายรุนแรงขึ้นไปอีก จนตัวเองกลายเป็นปัญหาซะเอง

ผมคิดมานานแล้วว่าปัญหาแบบนี้จะแก้ไขได้ยังไง คนที่มีปมในใจและชอบสร้างปัญหาให้ทั้งตัวเองและคนอื่น ทำให้วุ่นวายตลอดจะกลับมาสร้างพลังบวกให้กับคนอื่นได้ยังไง และซีรี่ย์เรื่องนี้ก็ตอบในตอนที่ 7 ของ Season 2

ในตอนนี้ริชชี่จะถูกส่งให้ไปเรียนการต้อนรับลูกค้าและการเสริฟอาหารที่ร้าน Eleven Madison Park ที่ในเรื่องถูกปูว่าเป็นร้าน Michelin 3 ดาว ที่ได้ 3 ดาวตั้งแต่ปีแรกที่เปิดร้าน แต่คงตำแหน่ง 3 ดาวต่อเนื่องหลายปี

ที่ร้านทุกคนมีใจรักกับงาน ตั้งใจ พากเพียรทำงาน และพัฒนาสิ่งที่ตัวเองทำให้ดีขึ้นอยู่เสมอ ในทุกหน้าที่ ตั้งแต่พนักงานเสริฟ จนถึงพนักงานเรียกคิว ทุกคนทำงานเป็นมืออาชีพ บริกรทุกคนจำชื่อลูกค้าได้ รู้ว่าลูกค้าชอบกินอะไร และจะเซอร์ไพร์สลูกค้าด้วยวิธีการใดให้ลูกค้าประทับใจและจดจำมื้อที่มากินที่ร้านได้มากที่สุด

เมื่อริชชี่ได้ฝึกงานที่ร้าน ริชชี่ก็ค้นพบว่าที่ร้านก็มีความวุ่นวายตลอดเวลา คนเดินพลุกพล่านและจอแจ แต่ในร้านกลับมีระเบียบได้อย่างไม่น่าเชื่อ ทุกคนทำงานตลอดเวลา แต่ไม่มีใครขัดกัน ความวุ่นวายอาจไม่ได้แปลว่าการทะเลาะกัน แต่เป็นการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ และสอดคล้องเป็นจังหวะเดียวกัน

เหตุการณ์นี้ทำให้ริชชี่เข้าใจว่าความวุ่นวายมีได้ ร้านอาหารทุกที่ก็มีความวุ่นวายแน่นอน แต่เราต้องจัดการกับมัน ทำให้มันกลายเป็นความวุ่นวายที่มีระเบียบ และทำให้มีประสิทธิภาพสูงที่สุดในงานนั้น ทัศนคติของริชชี่เริ่มเปลี่ยนไป เค้ากลายเป็นคนรักในงานที่ตัวเองทำ และพยายามพัฒนาทักษะที่ตัวเองมี จัดระเบียบหน้าร้านและความวุ่นวายได้อย่างดีเยี่ยม

ในตอนท้ายของตอนที่ 7 ริชชี่ ซึ่งเป็นฉากที่ผมชอบที่สุด ริชชี่มีโอกาสได้พบกับเทอรี่ ที่เป็น Owner ของร้าน เทอรี่เล่าถึงความหลังว่าตัวเองก็ตัวเองก็เคยผิดพลาด โอหัง และหัวเสียกับหลายๆเรื่องมาก่อนที่เปิดร้าน แต่ก็มีโอกาสกลับตัวและแก้ไขตัวเอง ในจังหวะที่ฟ้าก็ส่งร้านที่กำลังเซ้งมาให้ จนต่อมากลายเป็นร้าน Eleven Madison Park ฉากนี้ทั้งเงียบสงบ มีแค่บทสนทนาของสองคน ในห้องเงียบๆ ซึ่งต่างจากการดำเนินเรื่องที่ผ่านมา มันเหมือนผู้กำกับต้องการให้เกิดความขัดกันของอารมณ์กับส่วนก่อนหน้าของเรื่อง ให้ริชชี่ตาสว่าง และกลับมาตั้งหลักในชีวิตอีกครั้ง

ตอนสุดท้าย ริชชี่กลับมาควบคุมชีวิตตัวเองได้อีกครั้ง อารมณ์ที่แสนแปรปรวนและชวนทะเลาะของเค้ายังอยู่ แต่เค้าแบ่งพลังนั้นมาจัดระเบียบร้านและได้โชว์ฝีมือการจัดการปัญหาและเหตุการณ์เฉพาะหน้าที่ร้าน The Bear ได้อย่างมีประสิทธิภาพ