เชียงใหม่ ไซตามะ ชีวิตดีๆ ที่ลงตัว

เชียงใหม่ ไซตามะ ชีวิตดีๆ ที่ลงตัว

Catagory
Feeling
Format
Publish
Published

Date : 2023-12-31

กรุงเทพฯ ชีวิตดีๆ ที่ลงตัว? พอดูป้ายนี้แล้วก็ทำให้คิดว่า "ชีวิตที่กรุงเทพ มันดี และลงตัวมั้ยนะ"

เมื่อสัปดาห์ก่อนกรุงเทพอากาศหนาว หนาวแบบที่ว่าปีนึงคงมีแค่ครั้งเดียว ยังคุยกับม๊าอยู่เลยว่า ถ้าอากาศดียังงี้ทั้งปี กรุงเทพคงน่าอยู่กว่านี้เยอะ ได้ไปวิ่งสวนลุมแบบอากาศเย็นสบาย จะไปกินข้าวก็ต้องหาที่ที่มี outdoor จะได้รับลมเย็นๆ และอากาศบริสุทธิ์

ผ่านไปแค่สัปดาห์เดียว อากาศหนาวเริ่มจางหาย สัญญาณฝุ่น PM เริ่มกลับมาอีกครั้ง

วิ่งที่สวนตอนเช้าก็คงต้องตัดไปก่อนช่วงนี้ คงต้องไปออกกำลังกายที่ฟิตเนสแทน จะไปหากิจกรรมฆ่าเวลาก็คิดไม่ค่อยออก อย่างตอนนี้ก็นั่งร้านกาแฟชิคๆ นั่งนู่นนี่ กิจวัตรแบบเดิมๆ ที่ทำมาตลอด

เมื่อวานไปเจอเงาะที่คอนโด นานๆ จะเจอมันที

เงาะเป็นเพื่อนกันตั้งแต่เรียนที่คริสเตียน และยังเจอกับมันต่อที่คณะวิศวะ แล้วก็ไปเจออีกทีที่ภาคเครื่อง

เงาะไปทำงานที่ญี่ปุ่นตั้งแต่ตอนเรียนจบ ก็เกือบ 8 ปีแล้ว ทำงานตรงสายเลย ออกแบบสายพาน

เงาะอยู่ญี่ปุ่นนานจนเพื่อนหลายคนบอกว่า สำเนียงการพูดเงาะเหมือนคนญี่ปุ่น คือพูดๆ แล้วหยุดคิด แล้วค่อยพูดต่อ วิถีชีวิตเงาะก็เป็นระเบียบเหมือนคนญี่ปุ่นมากขึ้นทุกทีที่เจอ

ตอนนี้บริษัทส่งเงาะกลับมาอยู่ไทยประมาณ 2 ปีนิดๆ คือตั้งแต่ช่วงปลายปีที่แล้ว จนถึงราวๆปี 2025 เลยมีโอกาสได้ไปเจอมันที่คอนโดตรงราชเทวี

หลังจาก 2025 เงาะวางแผนจะกลับไปอยู่ญี่ปุ่นถาวร

"พอกูกลับมาที่ไทยรอบนี้ กูเริ่มรู้สึกหวะ ว่าคนญี่ปุ่นกับคนไทยแม่งต่างกันจริงๆ ความมีระเบียบ ความชิลๆ มันต่างกัน กูรู้สึกเลย"

แต่เงาะก็เห็นว่ายังมีประเด็นอื่นๆ ที่อยู่ในไทยก็อาจจะสบายใจกว่า เช่นการ feedback กันตรงๆ มากกว่า มันก็มีข้อดีข้อเสียต่างกันในแต่ละประเทศ

"เออแล้วมึงกลับไปญี่ปุ่นรอบนี้ คือมึงไปอยู่ยาวเลยเหรอวะ ไม่กลับมาอยู่ไทยแล้ว?"

"คิดว่างั้นนะ แม่งพูดไม่ถูก กูว่าอยู่ที่นั่นชีวิตแม่งลงตัวกับกูมากกว่า พอไปกินร้านเหล้านะ โต๊ะข้างๆ เค้าก็เป็นคนงานก่อสร้าง ซึ่งเค้าก็แบบไม่ได้รวยอะไรมากหรอก แต่เงินเดือนก็ถือว่าพอๆกับพนักงานเงินเดือนเลย แล้วเค้าก็มีทักษะเฉพาะของตัวเองที่พัฒนาขึ้นเรื่อยๆ ระหว่างการทำงาน แบบมันดูมี career path ชัด ซึ่งในไทยแม่งต่างมากเลยหวะ"

"เออก็จริง ชีวิตในไทยแม่งต่างกันสุดขั้วเกิน"

"แล้วก็ พูดตามตรง อยู่ในไทยแม่งกูคิดไม่ออก ว่ากูจะทำอะไรช่วงเวลาว่าง ตั้งแต่กูกับแฟนกูกลับมาอยู่ไทย กูแม่งคิดไม่ออกเลยว่าเสาร์ อาทิตย์จะทำอะไรดี เหมือนอยู่ที่ญี่ปุ่นกิจกรรมวันเสาร์ อาทิตย์มันคิดออกมากกว่านี้ คือไม่ได้อะไรพิเศษนะ แม่งก็อาจจะแค่เดินสวน เดินป่าอะไรแค่นั้น แต่แค่แม่งคิดไม่ออกที่ไทย"

"เออ โดยรวมแม่งคงเหมือนคุณภาพชีวิตที่ดีกว่ามั้ง"

เงาะบอกว่าตอนกลับไปญี่ปุ่น อาจจะไปอยู่เมืองไซตามะ คงไม่ได้อยู่เมืองหลวงขนาดนั้น

"ชีวิตในโตเกียวมันก็ไม่ได้ดีขนาดนั้นนะ แต่กูว่าถ้าใช้ชีวิตต่างจังหวัดที่ญี่ปุ่น คุณภาพชีวิตมันก็ไม่ได้ต่างกันมาก"

เหมือนเป็นกิจกรรมประจำปีไปแล้ว ที่ผมต้องขึ้นเชียงใหม่ไปเจอไอ้บอส มันมักมีกิจกรรม หรือเหตุอะไรที่ต้องไปเจอมันและไปอยู่ที่เชียงใหม่สักสัปดาห์นึง

ไอ้บอสเป็นเพื่อนที่คณะ และภาคเครื่อง เริ่มสนิทกับมันตั้งแต่เริ่มทำชมรมฟอร์มูล่า คือทำรถไปแข่งกับมหาลัยอื่น

สำหรับผม บอสเป็นคนที่มีอิสระทางความคิดมาก เหมือนมันทำสิ่งที่มันอยากทำ เหมือนงานหรือกิจกรรมที่มันทำอยู่คือมันเลือกแล้วว่าสะท้อนกับคุณค่าที่มันให้กับคน และสังคมรอบตัว

บอสมันอินเรื่องสิ่งแวดล้อมมาก อยู่เชียงใหม่เหมือนมันเดินป่าทุกสุดสัปดาห์ ปั่นจักรยานไปทำงาน พกแก้วน้ำส่วนตัว ทำชมรมเกี่ยวกับพัฒนาเมือง และชุมชน มันเป็นคนแบบนั้น

คำว่าเดินป่าทุกสุดสัปดาห์ไม่เกินจริง ตั้งแต่ช่วงตุลา ถึงธันวา ผมเห็นมันลงโพสต์ เดินป่า ชมนก ชมแมลง ชมเห็ด ดูดาวตลอดเวลา และที่เชียงใหม่ก็เป็นสถานที่ที่มีทรัพยากรธรรมชาติมากมายที่ให้สำรวจ

พอไปเชียงใหม่ช่วง 2-3 ปีให้หลัง มันเป็นเมืองที่ ไม่รู้จะเรียกว่าอะไรดี อาจจะเรียกว่ารุ่มรวยก็ได้ คือเหมือนมันมีอะไรให้ทำตอนช่วงเวลาว่างจริงๆ แล้วกิจกรรมเหล่านั้นก็เปิดพื้นที่มากพอให้เรารู้สึกเป็นส่วนนึงกับเมือง ผมคิดว่ายังงั้น

พอช่วงหน้าร้อนต้นปี อากาศที่เชียงใหม่ ฝุ่นเยอะขึ้น มันก็จะมีช่วงที่เดินทางลงใต้ อาจจะเรียนพายเรือ ไปโต้คลื่นที่ใต้บ้าง

แต่งานที่ทำมันก็มี headquater อยู่ที่ไทยนะ ทำเรื่องที่ปรึกษาด้าน ESG และสิ่งแวดล้อม แต่มันมีเงื่อนไขกับงานเลยว่าต้องเป็นงานที่ remote work ได้ และเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม มันก็คงหางานนี้ไม่ง่าย แต่ก็มองว่าเป็นงานที่มัน "เลือก" เองจริงๆ

อย่างที่บอกไปคือ ในสายตาคนนอก บอสมันใช้ชีวิตแบบที่มันอยากใช้ และมันก็เลือกเมืองที่มันรู้สึกเป็นส่วนนึงของเมืองนั้น

"ชีวิตที่กรุงเทพแม่งไม่ใช่สำหรับกูหวะ วุ่นวาย แห้งแล้ง มันเหมือนไม่ได้ใช้ชีวิตจริงๆ"

หลังจากที่ได้เจอกับเงาะและบอสช่วงปลายปี มันทำให้ผมได้มองเห็นอะไรหลายอย่างในมุมที่ต่างไป ไม่แน่นะ บางทีความรู้สึกที่ว่าตัวเองไม่เป็นส่วนหนึ่งของกรุงเทพฯ มันอาจจะมาจากการที่ผมไม่เคยลองเปิดใจให้กับเมืองนี้จริงๆ หรืออาจจะเป็นเพราะว่าผมยังไม่ได้ค้นหากิจกรรมที่ทำให้ผมรู้สึกเชื่อมโยงกับเมืองมากพอ

บางที 'การเป็นส่วนหนึ่งของเมือง' มันไม่ได้หมายความว่าเราต้องรู้สึกเชื่อมต่อกับทุกสิ่งทุกอย่าง แต่มันอาจจะหมายถึงการหาสิ่งที่ทำให้เรารู้สึกดีและมีความหมายต่อตัวเราเอง ในปีหน้า ผมอาจจะลองเปลี่ยนมุมมอง ลองหากิจกรรมใหม่ๆ ในกรุงเทพที่ไม่เคยทำ ไปที่ที่ไม่เคยไป ใครจะรู้ บางทีมันอาจจะทำให้ผมรู้สึกเชื่อมต่อกับกรุงเทพฯ มากขึ้นก็ได้

image