วันก่อนรุ่นน้องชื่อปาร์คถ่ายรูปหนังสือที่อ่านใน Kindle เนื้อหาที่ถ่ายน่าสนใจดีเลยถามเค้าว่าอ่านหนังสือชื่ออะไร
“Naval Almanack ครับพี่”
“ความเจ๋งคือมันปล่อยฟรีด้วยครับ”
พร้อมกับส่ง link download มาให้
อ่านมาได้ประมาณ 30% ปรากฎว่าชอบมาก หนังสือเหมือน Business Coach ทั่วไป คุณ Naval เหมือนเป็น Serial Entreprenuer แล้วก็เป็น VC ที่ประสบความสำเร็จ ลักษณะหนังสือจะ lead ด้วย Tweet ของ Naval เอง และแบ่งแยกเป็นเรื่องๆ ทั้งการงานและชีวิต
ผู้เขียนเน้นเรื่องการหา และทำงานที่เป็น Specific Knowledge มาก คือทำงานประเภทที่มีแค่เราเท่านั้นที่ทำได้ ยิ่งเฉพาะเจาะจงเท่าไหร่ยิ่งดี หลังจากทำสิ่งนั้นได้ ค่อยหาวิธี leverage หรือทำซ้ำกับสิ่งนั้น ให้สิ่งนั้นแก้ปัญหา หรือเสนอทางออกให้กับคนอื่นที่อยู่ในตลาดทั้งหมดได้
มองมุมนึงเรื่องนี้ก็เหมือนธุรกิจแนว Startup ที่ต้องหาปัญหาที่เฉพาะมากๆ ที่ยังไม่มีใครแก้ได้ เพราะถ้าไม่เฉพาะ คนอื่นก็เห็นและแก้ไปแล้ว เลยต้องหาสิ่งที่ยังไม่มีใครแก้ได้ และเราพยายามหาทางแก้มัน แน่นอนว่ามันจะไม่ง่าย เราคาดหวังผลลัพธ์ว่าจะแก้สำเร็จในเร็ววันได้ยาก และอาจจะเจ๊ง แล้วต้องไปแก้ปัญหาอื่น กลับกัน ถ้าเราแก้ปัญหาที่ใครๆก็แก้ได้ หรือต่างประเทศก็มีคนเคยทำมาแล้ว งานเราก็จะไม่เฉพาะเจาะจง คือไม่ได้มีแค่เราที่ทำได้ มันมีคนอื่นที่ทำได้แบบเรา เค้าอาจจะหาคนนั้นมาแทนเมื่อไหร่ก็ได้
มองย้อนกลับไป เราเองก็เป็นคนแบบนี้ คือพยายามหาปัญหา หรือโปรเจคที่ยังไม่มีคำตอบ หรือยังไม่มีใครแก้ไขได้ แล้วกระโดดเข้าไปแก้ เรานั่งนึกอยู่นานว่าอะไรหล่อหลอมให้เราอยากแก้โจทย์ที่ไม่มีคำตอบ แล้วก็นึกขึ้นได้
ย้อนไปเกือบ 5 ปีที่แล้ว เราทำงานที่บริษัทหลักทรัพย์ที่นึง ตอนนั้นทำ Offshore Product หรือดูแลเรื่องการลงทุนต่างประเทศทั้งหมด ตอนนั้นเป้าหมายของทีมคือการทำให้การลงทุนในทุกประเภททำได้ถูก เร็ว แล้วก็ดี ภาพใหญ่คือแค่นั้น แต่ระหว่างทางมีอุปสรรคเต็มไปหมด เรามันเด็กตัวน้อย ทำไปเจอตอหลายๆ รอบ ทั้งเรื่องกระบวนการทำงาน ทั้งเรื่องกฎเกณฑ์ ทั้งเรื่องเทคโนโลยี ตอนนั้นไม่รู้อะไรเลย แล้วพอวิ่งงานไปเสนอคนอื่น ก็โดนปัดตก วนไปๆมาๆ หลายรอบก็เกิดอาการเซง เลยคิดหาทางหนี
ตอนนั้นเลยไปสมัครบริษัททำ payment เจ้าใหญ่เจ้านึงที่กำลังเติบโตในไทย มีฐานลูกค้าชัดเจน รู้เลยเข้าไปต้องทำอะไรบ้าง เห็นภาพ เข้าไปทำๆ ต่อพาร์ทเนอร์หลายๆเจ้า แล้วก็หาทางเจรจาเพื่อเก็บค่าธรรมเนียม ทุกอย่างมีทางชัด มีคนเคยทำเยอะแยะ เข้าไปคือวิ่งได้เลย งานออกแน่ หลังจากสมัครและสัมภาษณ์ผ่าน ก็กลับมาคุยกับพี่ที่ชวนเราเข้ามาที่บริษัทหลักทรัพย์ที่นี่ แล้วก็เป็นหัวหน้า(ของหัวหน้า) เราด้วย ว่าจะออกแล้วนะ
…
“จะไปที่ไหน”
-ก็พูดชื่อบริษัทไป
“จะไปทำอะไร”
“ทำเกี่ยวกับ payment ครับ”
“อ่อ payment งาน payment เข้าไปคือไปทำอะไร หา partner? ต่อ service?”
“ใช่ครับพี่”
…
“แล้วทำไมอยากออกอะ”
“เพราะงานมันทำเท่าไหร่ ก็ดันไม่ไปพี่ ติดนู่นนี่ตลอดเลย เกณฑ์บ้าง process บ้าง ดันงานไม่ไปซักที”
“เลยอยากออกไปหางานที่ทำแล้วไม่ติด?”
“ครับ”
…
“ชอบเหรองานทางเรียบ?”
“หมายถึงยังไงนะพี่”
“งานที่รู้ทุกอย่าง แล้วเข้าไปทำๆ ก็เสร็จ ชอบมั้ย ชอบงานที่มีคนถางให้แล้ว?”
…
“คือยังงี้ งานเนี่ย มันมีสองแบบ งานถางหญ้า กับงานทางเรียบ มึงต้องเข้าใจว่ามึงอยู่ในสนามไหน”
“งานถางหญ้า มันติดเยอะอยู่แล้ว งานมันไม่ได้มีคำตอบ มันไม่ได้บอกว่าทำได้ถ้ามึงทำตามนี้ เพราะมึงไม่มีคนที่อ้างอิงได้เลยว่าคนอื่นเคยทำมาแล้ว”
“งานทางเรียบ งานมันเสร็จเร็ว เพราะหญ้ามันถางมาแล้ว ทำสิ่งที่เคยทำมาแล้วมันเสร็จเร็วกว่าเสมอแหละ แต่ปัญหาคือมึงจะไม่ได้ถางหญ้า แล้วงานส่วนที่ถางหญ้าเนี่ยแหละ จะทำให้มึงโตขึ้น”
“ถ้ามึงทำงานถางหญ้า ถางเป็นปีๆ พึ่งได้ของ แต่คนที่มองมึง เค้าอาจจะทำได้แบบมึงภายในครึ่งปีก็ได้ แต่ประเด็นคือ เค้าไม่ได้ถางหญ้าแบบมึงไง ปัญหาไม่ใช่ตอนทำ ปัญหาคือตอนคิด ถ้ามึงไม่ได้แก้ปัญหามึงจะโตขึ้นได้ไง”
…
ปัจจุบันยังยึดหลักการนี้เสมอ งานถางหญ้า งานประเภทที่ไม่มีใครทำ งานประเภทที่ต้องดันประเด็นอะไรบางอย่างไปข้างหน้า งานที่ไม่มีคำตอบมาให้ว่าจะเวิคหรือไม่เวิค มองย้อนกลับไป ทั้งงาน ChAMPENG หรืองานประจำเรายังยึดหลักการนี้ ถางหญ้าไปเรื่อยๆ สักวันก็ต้องเจออะไรดีๆ เข้ามาบ้างแหละหน่า
อันนี้ก็อปส่วนนึงจากหนังสือมา
“It takes time—even once you have all of these pieces in place, there is an indeterminate amount of time you have to put in. If you’re counting, you’ll run out of patience before success actually arrives.
Everybody wants to get rich immediately, but the world is an efficient place; immediate doesn’t work.
You do have to put in the time. You do have to put in the hours, and so I think you have to put yourself in the position with the specific knowledge, with accountability, with leverage, with the authentic skill set you have, to be the best in the world at what you do.
You have to enjoy it and keep doing it, keep doing it, and keep doing it. Don’t keep track, and don’t keep count because if you do, you will run out of time.”