Clair Obscur เมื่อทีมเล็กเขย่าวงการเกมส์ Triple A 🎇

Clair Obscur เมื่อทีมเล็กเขย่าวงการเกมส์ Triple A 🎇

Tags
Catagory
Format
Publish

Clair Obscur: Expedition 33 : เกมส์ที่มีสิทธิเข้าชิง Game of the year และยอดขาย 1 ล้านชุดใน 3 วันแรก ด้วยทีมผู้สร้างเพียง 32 คน และทุนสร้างต่ำกว่าเกมส์ Triple A เกมส์อื่นถึง 10 เท่า เค้าทำได้ได้ยังไง มาชวนคุยกัน

เมื่อวานนั่งดูพี่เอก HRK Cast เกมส์ Clair Obscur: Expedition 33 ที่มาถึงตอนที่ 12 พบว่าเป็นเกมส์ที่สนุกมาก ขนาดไม่ได้เล่น นั่งดูพี่เอกยังตื่นเต้นและประทับใจ ทั้งตัว Gameplay แบบ Turnbase แต่ก็ยังเล่นได้แบบลุ้นระทึก, Art Direction ที่สวยแบบตาแตก และเนื้อเรื่องที่ทำให้เราละสายตาไม่ได้ ไอ้เราก็สงสัยว่าทีมผู้สร้างเป็นใครก็เลยนั่ง Research เพิ่มเกี่ยวกับผู้สร้าง และตัวเกมส์ เลยนำมาแบ่งปันให้ทุกคนฟังกัน

.

Clair Obscur: Expedition 33 (ต่อจากนี้จะเรียกแค่ 'Clair Obscur') เล่าเรื่องของกลุ่มนักเดินทางในโลก Fantasy ที่มีปมหลักคือ ทุกๆ ปี เสาหินที่ตั้งอยู่ใจกลางโลกนี้จะนับเลขถอยหลังลงเรื่อยๆ เมื่อเลขเปลี่ยน ผู้ที่มีอายุเท่ากับเลขนั้นทุกคนจะหายไป โดยในปีที่เนื้อเรื่องหลักดำเนิน คือปีที่ 33 ของเสาหิน ซึ่งเมื่อเลขลดลง จะทำให้ผู้ที่มีอายุ 33 ของโลกนี้หายไปทั้งหมด โจทย์ของนักเดินทางในแต่ละปีคือต้องไปจัดการกับผู้ที่คุ้มกันเสาหินนี้ที่ชื่อว่า The Paintress เพื่อทำให้หายนะครั้งนี้หยุดลง

.

ตัว Gameplay ถูกสร้างมาในรูปแบบ Open World และเป็น Turn Base RPG ซึ่งไม่ค่อยเป็นที่นิยมแล้วในสมัยนี้ เพราะผู้เล่นจะชอบเกมส์ที่ตื่นเต้น และต้อง Active ตลอดเวลาแบบเกมส์ตระกูล Soul เช่น Elden Ring, Sekiro หรือ Black Myth Wukong ที่ผู้เล่นต้องจดจำท่วงท่าของศัตรู และกดป้องกัน หรือหลบ ให้ตรงจังหวะ ซึ่งในช่วงโปรโมทตอนแรกของ Clair Obscur ก็พาให้เหล่าสำนักรีวิว และผู้เล่นตั้งคำถามว่า จะเวิคเหรอ มาทำเกมส์ JRPG ยุคนี้ที่คนแห่ไปเล่นเกมส์ตระกูล Soul กันหมดแล้ว

แต่ Clair Obscur ก็ใส่ไพ่เด็ดที่ทำให้ทุกคนประทับใจ โดยแม้ว่าจะเป็น Turn Base ที่มีจุดตายที่ความจำเจเวลาศัตรูกำลังโจมตีตัวละครที่เราเล่น เราจะทำอะไรไม่ค่อยได้ แต่สำหรับเกมส์นี้ ระหว่าง Turn ที่ศัตรูกำลังโจมตี เราต้องกดหลบ และป้องกันศัตรู(Parry) ให้ตรงจังหวะ นั่นทำให้แม้ว่าอยู่ใน Turn ตั้งรับ เราก็ต้อง Active ตลอด เพื่อดูว่าท่าโจมตีจะมาแบบใด เราจะเลือกหลบหรือป้องกัน ทำให้ตัวเกมส์ก็ยังมีกลิ่นอายเกมส์ Soul และมอบประสบการณ์ที่ตื่นเต้นให้กับผู้เล่นได้ตลอดทั้งเกมส์ เพราะผู้เล่นต้องจดจำท่าโจมตีของศัตรูทุกตัว และเลือกวิธีการรับมือที่เหมาะสมให้ได้

.

ตัว Art Direction โดยรวมของเกมส์ก็จัดว่าเข้าขั้นเกมส์ระดับ Triple A ภาพที่สวยในฉากหลังยุคศตวรรตที่ 18 ของฝรั่งเศส มากับเสียงพากษ์ที่มีคุณภาพ ดนตรีที่บรรเลงอย่างไพเราะ ทำให้ระหว่างที่ดูพี่เอกเล่น เรายังประทับใจกับภาพและดนตรี และเกมส์ยังมอบเนื้อเรื่องที่สนุก หักมุม และมอบจุดที่ให้ผู้เล่นตัดสินใจได้ด้วยตัวเองว่าจะเลือกวิธีการจบเกมส์แบบไหน ซึ่งไม่ว่าผู้เล่นจะเลือกวิธีการจบแบบไหน ก็ดูมีเหตุผลในตัวมันเอง และสมดุลอย่างบอกไม่ถูก

.

และประเด็นสุดท้ายที่สำคัญที่สุดคือทีมผู้สร้าง เกมส์นี้ถูกพัฒนาโดยบริษัท Sandfall Interactive จากประเทศฝรั่งเศส ด้วยผู้พัฒนาเพียง 32 คน ซึ่งโดยปกติเกมส์คุณภาพระดับนี้ต้องใช้ทีมงานเกิน 200 คน แต่ทีมนี้กลับใช้ผู้พัฒนาไม่ถึง 20% ของเกมส์ทั่วไป และ Developer ก็มีแค่ 4 คน ส่วนใหญ่ที่เหลือเป็น Art Direction Team รวมๆ ทั้ง Designer, Artist, Audio Design จนแทบไม่น่าเชื่อว่าเกมส์คุณภาพนี้ใช้ทุนสร้างเพียง 10 ล้านดอลลาร์ ซึ่งต่ำกว่าทุนสร้างปกติหลายสิบเท่า

ด้วยทีมงานเพียง 32 คน นั่นเป็นเหตุผลที่ผมมองส่วนตัวว่า ผู้พัฒนาเกมส์นี้จึงเลือกให้เป็นเกมส์ Turn Base ที่ใช้ทรัพยากรในการออกแบบระบบหลังบ้านน้อยกว่า เพราะเกมส์ Turn Base ส่วนใหญ่แม้ว่า Move Set เยอะก็จริง แต่ในแง่ความอิสระของผู้เล่น ก็จะน้อยกว่าเกมส์ Open World หรือเกมส์ตระกูล Soul โดยทั่วไป Bug ในเกมส์ก็น้อยกว่า และถ่ายทรัพยากรส่วนใหญ่ไปที่งานภาพ เสียง และการออกแบบเนื้อเรื่อง

.

โดยเสียงตอบรับเมื่อเกมส์ออกวางจำหน่ายในวันที่ 24 เมษายน ก็เรียกได้ว่าถล่มทลาย ใน 3 วันแรก ยอดขายก็ออกครบ 1 ล้านชุด และอีก 9 วันก็ครบ 2 ล้าน ตัวเกมส์ได้รับคะแนนรีวิวเกือบเต็มในทุกสำนัก จนนักวิจารณ์คาดว่าเกมส์นี้ ยังไงก็ตัวเต็งรางวัลเกมส์ RPG และอาจได้รางวัล Game of the year(GOTY) ในปีนี้

.

พอไล่อ่านแล้วก็ทำให้นึกถึงหนังเรื่อง Anora ที่ได้รับรางวัล Best Picture ที่เป็นรางวัลที่สูงที่สุดของ Oscar ในปีนี้ด้วยทุนสร้างและทีมงานน้อยกว่าหนังทั่วไปเป็น 10 เท่า และทำให้คิดถึงความเป็นไปได้ว่าในช่วงเวลาหลังจากนี้ อาจมีผู้สร้างหนัง เกมส์ หรือแม้แต่แอปพลิเคชั่น ที่เมื่อก่อนอาจจะใช้ทีมงานหลายร้อยชีวิต แต่ในปัจจุบันอาจใช้ทีมงานลดลงเหลือไม่กี่สิบคน หรือแม้กระทั่งคนเดียว ขึ้นมาสร้างผลงานระดับโลกได้ด้วยทรัพยากรไม่กี่หยิบมือ

สุดท้ายเกมส์นี้ยังสร้าง Genre ใหม่ให้กับตลาด คือหมวดเกมส์ Reactive Turnbase ที่เป็นส่วนผสมของเกมส์ Turnbase และเกมส์ Soul และเชื่อว่าจะเป็นหมวดที่จะมีผู้สร้าง หันมาพัฒนามากขึ้นหลังจากนี้ และก็ต้องรอติดตามกันต่อไปว่าเกมส์นี้จะได้รับรางวัล GOTY หรือไม่

คำถามทิ้งท้าย หากทีมผู้สร้าง 32 คนสร้างผลงานระดับนี้ได้ แล้วบริษัทเกมส์ยักษ์ใหญ่จะปรับตัวอย่างไร?

Sequoia Capital รายงานล่าสุดว่า Startup AI ที่เข้ามาใหม่ในตลาด ที่เริ่มมี Traction ของผู้ใช้งานมหาศาล โดยที่มีผู้สร้างไม่กี่คนกำลังเกิดมากขึ้นเรื่อยๆ และมีแนวโน้มว่าจะมี One Person Unicorn เกิดขึ้นในเร็ววันนี้

แล้วเรา มีอะไรที่อยากทำ แต่ติดปัญหาว่ามีทรัพยากรไม่เพียงพอมั้ย? บางทีมันอาจจะถึงเวลาเริ่มลงมือทำแล้วก็ได้

"For Those Who Come After"

image