สัปดาห์ก่อนช่วงเชงเม้ง(ที่ปีนี้ไม่ได้ไป) คุยกับรุ่นน้องคนนึง
"ไม่ได้ไปเชงเม้งมาเป็นหลายปีละ"
ประสบการณ์ที่นึกย้อนกลับไปก็คล้ายกัน คือเราก็ไม่ได้ไปบ่อย เหมือนไปปีเว้นปี จำได้ว่าอากาศร้อน ฝุ่นเยอะ และแม่ต้องตื่นแต่เช้าเพื่อเตรียมอาหาร ไปถึงก็จะเจอญาติที่ปีนึงเราจะเจอครั้งเดียว ด้วยมารยาทก็ต้องถามสารทุกข์สุกดิบ ทำอะไรอยู่ แต่งงานรึยัง มีลูกรึยัง ลูกเรียนที่ไหน เข้ามหาลัยอะไร
เหมือนกับ "หลานม่า" ที่ก็เริ่มต้นด้วยฉากวันเชงเม้ง เอ็ม คนรุ่นหลานไม่เข้าใจเลยว่าจะต้องมาไหว้ทำไม ไม่เคยเห็นหน้าคนที่มาไหว้ด้วยซ้ำ มีแต่พิธีการคร่ำครึที่ไม่ปรับให้ทันสมัย โปรยดอกไม้เกี่ยวอะไรกับการไหว้ ทำไมหันตูดไก่ตูดเป็ดเข้าหลุมไม่ได้
พอรู้ว่าอาม่าเป็นมะเร็งและอยู่ได้ไม่ถึงปี เอ็มก็ไม่ได้ถึงกับเสียใจ เพราะไม่ได้ผูกพันธ์กันมากนัก แต่มองว่าการไปดูแลก็อาจทำให้ตัวเองได้เป็น "ที่หนึ่ง" ของอาม่า และตอนอาม่าจากไป ตัวเองจะได้บ้านตอบแทนเหมือนอากงอีกบ้านนึง
แต่พออยู่กับอาม่าไปนานวันเข้า ผ่านการเปลี่ยนน้ำชา การไปช่วยขายโจ๊ก การพาม่าขึ้นเหล่าเต๊ง ความสัมพันธ์ระหว่างเอ็มกับอาม่าก็ค่อยๆ มีความหมายมากขึ้น
เอ็มเริ่มเข้าใจมากขึ้นเมื่ออาการของอาม่าทรุดลง ผลจากคีโม ทำให้ร่างภายในร้อน และผมร่วง อาม่าฝันถึงป๊าม๊าของอาม่า บอกว่ามาเรียกให้ไปอยู่ด้วย ยิ่งทำให้อาม่ากลัว เอ็มเลยให้อาม่านอนข้างล่างด้วยกัน และเมื่ออาม่าละเมอว่า 'อั๊วอยากตาย ปล่อยอั๊วไป' ยิ่งตอกย้ำให้เอ็มรู้ว่าเวลาที่เหลือนั้นมีค่าเพียงใด
ตั้งแต่วันเชงเม้ง อาม่าอยากมีฮวงซุยสวยๆ ใหญ่ๆ จนพอรู้ว่าเป็นมะเร็งอาม่าก็ยิ่งกังวล ต้องบากหน้าไปหาอาเฮียที่ไม่ได้เจอกันนาน และโดนไล่ตะเพิดกลับมา เอ็มถามอาม่าว่าทำไมถึงอยากมีฮวงซุยสวยๆ นัก อาม่าตอบว่า "กูไม่ได้อยากอยู่บ้านที่สวย แต่บ้านที่สวยจะทำให้ลูกหลานอยากกลับมาเจอหน้ากัน"
พอเอ็มรู้ว่าอาม่าเอาบ้านให้กู๋โซ่ย เอ็มรู้สึกโกรธมาก คิดว่าตัวเองดูแลอาม่าขนาดนี้แล้ว ทำไมยังไม่เป็นที่หนึ่ง และด่าอาม่าว่า 'โง่ เอาบ้านไปให้ลูกที่ไม่รู้คุณค่า'
แต่หลังจากสงบสติอารมณ์ลง เอ็มก็ไปหาอาม่าอีกครั้งที่บ้านพักคนชรา มันช่างเก่าและแออัด อาม่าพึ่งตื่นจากการพักผ่อน พอเห็นเอ็มเข้ามาก็ถามว่า "กินข้าวมารึยัง" เอ็มน้ำตาซึมและพาอาม่ากลับไปอยู่บ้านด้วยกัน ได้ใช้เวลาช่วงสุดท้ายร่วมกัน จนกระทั่งอาม่าจากไป
ต้นทับทิมที่ปลูกไว้หน้าบ้าน ถูกปลูกตั้งแต่เอ็มเกิด และไม่แบ่งให้คนอื่นกิน กำไรจากการขายโจ๊ก ถูกฝากให้เอ็มตั้งแต่เอ็มอยู่ประถม และถูกมอบให้เอ็มในที่สุด ย้อนคิดดูแล้วอาม่าก็มองเอ็มเป็น "ที่หนึ่ง" มาโดยตลอด
เอ็มเคยสัญญากับอาม่าตั้งแต่เด็ก ว่าจะเอาเงินที่อาม่าเก็บมาสร้างบ้านสวยๆ ให้ เอ็มจึงเอากำไรจากการขายโจ๊กไปซื้อฮวงซุยที่อาม่าใฝ่ฝัน และพาร่างของอาม่าไปฝัง พร้อมเคาะโลงบอกทาง
เรื่องบางเรื่องกาลเวลาจะทำให้เราเข้าใจมากขึ้น เราก็อยู่ในช่วงเวลาที่เจออาม่า แต่ในยุคที่อาม่าอยู่ก็อาจจะไม่ได้ผูกพันธ์กับม่าเหมือนเอ็ม แต่ความทรงจำของเรากับอาอี๊ (พี่สาวแม่) มันกลับมาทั้งหมดในเรื่องนี้ ความผูกพันธ์ ความเจ็บปวด ความทรมานตอนป่วย เรี่ยวแรงที่ถอยลงไป พิธีการที่ไม่เคยเข้าใจก็เริ่มมีความหมายมากขึ้น
การไปไหว้เชงเม้งก็คงเหมือนการกลับไปหาพ่อแม่ตัวเองที่ล่วงลับ ได้กลับไปกินข้าวร่วมโต๊ะกัน บ้านที่สวยก็คงเป็นที่ที่ดีให้ลูกหลานมารวมตัวกัน ลูกก็คงอยากพาหลานๆ ไปให้พ่อแม่ของตัวเองได้เจอหน้าบ้าง
ตอนท้ายของ "หลานม่า" ทุกคนก็กลับมาเชงเม้งเหมือนปีก่อน แต่ครั้งนี้มาไหว้อาม่า ทุกคนในบ้านมาไหว้อาม่าเหมือนอย่างที่อาม่าหวังไว้ การกลับมาพูดคุยถึงชีวิตความเป็นอยู่ก็เหมือนการมาเล่าให้อาม่าของเราฟังไปด้วย ว่าแต่ละคนเป็นยังไงกันบ้าง ทุกคนอิ่มท้องรึยัง
ของบางอย่าง ต้องผ่านกาลเวลาถึงจะเข้าใจ